นอกจากไม้อัดแล้ว ไม้ชนิดอื่นๆ ที่นิยมกันอีกนั้นก็ยังมีอีกมาก ในนั้นก็คือไม้ MDF และไม้ปาติเคิล โดยไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกันอยู่ แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่า ไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

ไม้ MDF (Medium-Density Fiberboard) 

เริ่มจาก ไม้ MDF กันก่อน ซึ่งไม้ MDF หรือเรียกภาษาไทยว่า แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง คือการเอาเศษขี้เลื่อยของไม้ยางพารามาบดอัดผ่านกระบวนการอัดไม้ ด้วยเครื่องบดอัดไม้เฉพาะที่มีแรงอัดสูง พร้อมกับความร้อนด้วยเครื่องจักรเฉพาะทาง ด้วยกระบวนการผลิตที่มีความละเอียด ทำให้เนื้อไม้มีความแน่น ละเอียด ผิวเนียนมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล ซึ่งคุณสมบัติของ ไม้ MDF คือ มีผิวเนื้อในละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งแผ่น มีความหนา ความแน่น และความเรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น สามารถขูดแต่งเนื้อไม้ได้เรียบเนียบ งานที่ออกมาจึงดูเรียบร้อยไม่เป็นขุย สามารถนำมาพ่นสีในเนื้อไม้ได้สวยงาม

ข้อดีไม้ MDF 

  • ความหนาแน่น (Density) ของแผ่นไม้สูง
  • ผิวละเอียด เรียบเนียน สม่ำเสมอ ตลอดทั้งแผ่น
  • มีความแข็งแรงมากกว่ากว่า รับน้ำหนักได้มากกว่า
  • สามารถพ่นสี ทาสีลงเข้าไปในเนื้อไม้ได้
  • สามารถทนน้ำได้ดีกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล

ข้อเสียไม้ MDF 

  • มีราคาที่สูง
  • มีน้ำหนักมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล เนื่องจากเนื้อไม้มีความหนาแน่นมากกว่า
  • ต้องระวังเรื่องความชื้น และ การโดนน้ำเช่นกัน
  • ขณะตัดไม้ จะมีฝุ่นเป็นจำนวนมาก ช่างไม้ และ ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องระวังให้ดี

ไม้ปาติเกิล (Particle Board)

ไม้ปาติเกิล” หรือ “Particle Board” ชนิดนี้ ส่วนมากจะเป็นการนำเศษไม้ยางพาราขนาดเล็ก แต่ไม่ได้บดละเอียดถึงกับเป็นผง หรือ ที่เรียกว่า “ขี้เลื่อย (Sawdust หรือ Wood Dust)” โดยขี้เลื่อยเหล่านี้จะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน บางเศษก็มีขนาดใหญ่ บางเศษก็มีขนาดเล็ก แล้วนำมาผ่านกรรมวิธี อัดบดเป็นแผ่น ผสมกาว และ ผ่านกระบวนการทางเคมีจนได้แผ่นไม้ต่างขนาดกัน อาทิ แผ่นไม้ขนาด 1.20 x 2.45 เมตร โดยความหนาของไม้ที่นิยมใช้มาทำเฟอร์นิเจอร์ จะมีความหนาต่อแผ่นอยู่ที่ประมาณ 15 มิลลิเมตร และ 25 มิลลิเมตร เท่านั้น แล้วแต่คุณภาพ

โดยพื้นผิวด้านนอกนั้นส่วนใหญ่แล้ว ทางผู้ผลิตไม้ปาติเกิล จะปิดทับด้วย กระดาษพิมพ์ลายไม้ แผ่นฟอยล์ (Foil) หรือ แผ่นเมลามีน ก่อนการใช้งาน งานไม้ชนิดนี้นิยมนำไปทำเฟอร์นิเจอร์อันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีราคาต้นทุนที่ต่ำมาก และด้วยความที่เศษไม้ เศษขี้เลื่อยมีขนาดไม่เท่ากัน แต่ถูกนำมาอัดนั้น จึงอาจจะทำให้มีอากาศแทรกอยู่ด้านในระหว่างช่องว่างของเศษขี้เลื่อยด้านในได้ด้วยเช่นกัน

ข้อดีไม้ปาติเกิล 

  • ราคาถูกมาก
  • มีน้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก
  • เป็นที่นิยมใช้กันในวงกว้าง หาซื้อได้ง่าย

ข้อเสียไม้ปาติเกิล 

  • วัตถุดิบโดยรวม ไม่แข็งแรง
  • ไม่สามารถโดนน้ำได้ เพราะอาจจะยุ่ย เปื่อยได้ ที่โดนน้ำได้เป็นเพราะพื้นผิวด้านนอก ที่ปิดทับช่วยเอาไว้
  • ไม่สามารถพ่นสีบนตัวงานได้
  • ปิดผิว PVC ได้แบบไม่เรียบแปล้ เนื่องจากขี้เลื่อยที่นำมาบดอัดมีขนาดไม่เท่ากัน
  • อาจมีเชื้อราขึ้นได้ ต้องหมั่นคอยดูแล อย่าให้ห้องมีความชื้น

เมื่อทราบถึงความแตกต่างของไม้ทั้งสองชนิดแล้ว เราก็สามารถเลือกประเภทของไม้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ว่าควรใช้ไม้ประเภทไหนถึงจะคุ้มค่ากับงาน และงบประมาณของเรามากที่สุด

หากท่านไหนสนใจ อยากสอบถามราคา หรือสินค้า สามารถสอบถามได้ ที่นี่